ข่าวเด่น ในรอบ 7 วัน
-
พิจิตรแม่น้ำยมวิกฤติ เกษตรกรนำควายลงไปเลี้ยงในแม่น้ำ ยม ที่เหลือเพียงแหล่งเดียว หลังแม่น้ำยมแห้งขอดจนไม่มีน้ำ สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นท...
-
พิธีเปิดศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม 4.0 ณ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 นายภาสกร ชัยรัตน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงาน ...
-
ชาวนาพิจิตรนอกเขตชลประทานเสี่ยงทำนา ในช่วงแล้ง แหล่งน้ำตามธรรมชาติแห้งขอดลง ต้องปล่อยข้าวนาปรัง ที่เริ่มเพาะปลูก กว่า 20 ไร่ ยืนต้นตา...
-
การแข่งขันฟุตบอล ยามาฮ่า ลีกวัน ประจำวันพุธที่ 15 กรกฎาคม 58 นัดที่ 18 ของการแข่งขันที่สนามพิจิตร สเตเดี้ยม “พญาชาละวัน” พิจิต...
-
พิจิตรโจรงัดตู้บริจาควิ หารพระราหู สถานที่ทำบุญสะเดาเคราะห์ โดยได้ขโมยเงินในตู้บริจาค จำนวน 3 ตู้ ได้เงินทำบุญไปกว่า 4 ...
วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
ธ.ก.ส.พิจิตร นำน้ำสะอาดช่วยประชาชน วาง 3 มาตรการช่วยภัยแล้ง
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร นำน้ำดื่มสะอาด 500 ชุดช่วยเหลือภัยแล้ง พร้อมวาง 3 มาตรการช่วยเหลือพักชำระหนี้ ทำสินเชื่อระยะสั้นเงินฉุกเฉินใช้จ่ายในครัวเรือนและสินเชื่อระยะยาวฟื้นฟูหลังภัยแล้ง
ที่วัดหนองปล้อง อำเภอวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดพิจิตร (ธ.ก.ส.) ร่วมจัดโครงการ "เพื่อนแล้งยามยาก ก้าวผ่านความลำบากไปด้วยกัน" โดยนำน้ำดื่มสะอาด จำนวน 500 ชุด 6,000 ขวด มีรถบรรทุกน้ำจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ทหาร นำน้ำดื่มมาแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่ส่วนใหญ่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน จากปัญหาภัยแล้ง ประชาชนขาดน้ำดื่ม-น้ำอุปโภค พร้อมทั้งชี้แจง 3 มาตรการหลัก ขยายเวลาชำระหนี้ สินเชื่อระยะสั้นใช้จ่ายในครัวเรือนและสินเชื่อระยะยาวหลังภัยแล้ง
นายศรายุทธ ยิ้มยวน ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาขาภาคเหนือตอนล่าง ระบุว่า หลังจากที่เกิดปัญหาภัยแล้ง กับประชาชนและลูกค้าของ ธ.ก.ส.ทางธนาคารจึงออกมาตรการช่วยเหลือ 3 มาตรการ สำหรับมาตรการของ ธ.ก.ส.ทั้งหมดจะช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ผลผลิตต้องเสียหายไม่น้อยกว่า 50% ของผลผลิตทั้งหมด หรือเกษตรกรที่ชะลอทำการเกษตรตามนโยบายของรัฐบาล หรือเกษตรกรที่ยังทำกิจกรรมการเกษตรไม่ได้เนื่องจากภัยแล้ง รวมถึงสหกรณ์การเกษตรพื้นที่ประสบภัยแล้ง
โดยแบ่งออกเป็น 3 มาตรการหลัก ได้แก่ มาตรการสินเชื่อระยะสั้น แบ่งเป็น 3 มาตรการย่อย คือ มาตรการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรลูกค้าธนาคาร (สินเชื่อฉุกเฉิน) กู้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อราย กำหนดกู้ไม่เกิน 3 เดือนตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.- 15 ต.ค.58 ชำระคืนไม่เกิน 12 เดือน ปลอดดอกเบี้ย 0% ระยะเวลา 3 เดือน โดยเดือนที่ 4-12 จะคิดอัตราเอ็มอาร์อาร์ หรือเท่ากับ 7% ต่อปี นอกจากนี้ ยังมี มาตรการสินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟูการผลิตหลังประสบภัย (สินเชื่อฟื้นฟู) กู้รายละไม่เกิน 20,000 บาท ระยะเวลาให้เงินกู้เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.- 15 ต.ค.58 ชำระคืนเสร็จไม่เกิน 12 เดือน กรณีพิเศษไม่เกิน 18 เดือน อัตราดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์ เท่ากับ 7% ต่อปี และมาตรการสินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟูการผลิตของสมาชิกสหกรณ์การเกษตร (สินเชื่อฟื้นฟูสมาชิกสหกรณ์) วงเงินอีก 10,000 ล้านบาท กู้เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.15 ต.ค.58 กำหนดชำระคืนเสร็จไม่เกิน 12 เดือนกรณีพิเศษไม่เกิน 18 เดือน อัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์-1.25 หรือเท่ากับ 5% ต่อปี ส่วนมาตรการหลักที่ 2 เป็นมาตรการระยะยาว เพื่อปรับปรุงระบบการผลิตด้านการเกษตรเป็นการพิจารณาให้สินเชื่อเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร หรือเพื่อปรับเปลี่ยนการผลิตเป็นรูปแบบอื่นที่มีความเหมาะสมมากขึ้น ระยะเวลาโครงการ 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.58 -31 ก.ค.61 วงเงินกู้รายละไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ชำระคืนไม่เกิน 10 ปี และผ่อนปรนไม่ต้องคืนเงิน 3 ปีแรกหากมีกรณีจำเป็น อัตราดอกเบี้ยปีแรก 0% จากนั้นคิดอัตราเอ็มอาร์อาร์-2% หรือเท่ากับ 5% ต่อปี ขณะที่ มาตรการสุดท้าย จะขยายระยะเวลาชำระออกไปไม่เกิน 9 เดือน และกรณีพิเศษไม่เกิน 12 เดือน โดยให้สอดคล้องกับแหล่งที่มาของรายได้ และสหกรณ์การเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากการชำระหนี้ของสมาชิก โตยพิจารณาขยายตารางกำหนดชำระหนี้ที่มีอยู่กับธนาคารออกไปไม่เกิน 12 เดือน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)





ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น